“ริมเส้นซ้าย” บ่อน้ำมันบ่อใหญ่ของ แมนยู ที่พร้อมจะอ้าแข้นต้อนรับคู่แข่ง
เอริค เทน ฮาก ทำเรื่องเซอร์ไพรส์ด้วยการเปลี่ยนตัว มาร์คัส แรชฟอร์ด ออกจากสนามในช่วงพักครึ่งของเกมยูโรป้า ลีก ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกไปยันเสมอ เอฟซี ปอร์โต้ 3-3 เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา แม้ว่าแนวรุกชาวอังกฤษทำผลงานได้ดีมีส่วนร่วมกับสองประตูของทีมก็ตาม
เทน ฮาก ให้เหตุผลว่าเขาอยากจะโรเตชั่นเพื่อเปิดโอกาสให้กับ อเลฮานโดร การ์นาโช่ ลงเล่นบ้าง โดยเฉพาะเมื่อมีเกมหนักสุดสัปดาห์นี้เจอกับ แอสตัน วิลล่า อย่างไรก็ตามกุนซือชาวดัตช์ก็ยอมรับเช่นกันเกมรับริมเส้นฝั่งซ้ายกำลังมีปัญหา
“เราต้องทำการโรเตชั่น วันนี้เราไม่ได้ส่ง การ์นาโช่ เป็นตัวจริง แต่ที่ผ่านมาเขาเล่นได้ยอดเยี่ยม ไม่ใช่เฉพาะในเกมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเท่านั้น แต่รวมถึงผลงานทั้งหมดจนถึงตอนนี้ของฤดูกาลด้วย” เทน ฮาก อธิบายถึงการถอด แรชฟอร์ด ออกในเกมดังกล่าว
“ขณะที่วันอาทิตย์นี้เรามีงานยากอีก 1 นัดรออยู่ ซึ่งมันถือเป็นเกมที่สำคัญเช่นกัน ดังนั้นเราเลยต้องการให้นักเตะแต่ละคนพร้อมลงเล่น, มีความฟิตที่ดี และมีสภาพร่างกายที่สด”
“ไม่นานหลังจากนี้เราต้องไปเยือน วิลล่า พวกเขาได้พักมากกว่าเรา 1 วัน เรามีเกมเยือนรออยู่ ดังนั้นเราเลยอยากให้นักเตะที่ได้ลงเล่นในวันอาทิตย์นี้มีสภาพร่างกายที่สดพร้อมลงบู้ก่อนเบรกทีมชาติ”
เมื่อถูกถามว่าสาเหตุที่เขาเปลี่ยน แรชฟอร์ด เป็นเพราะมีส่วนทำให้ทีมเสียประตูแรกหรือไม่ เทน ฮาก ตอบว่า “ผมต้องกลับไปดูภาพช้าจากจังหวะนั้นอีกที และแน่นอนว่าผมคิดว่าวันนี้ฝั่งซ้ายของเราเล่นเกมรับกันได้ไม่ดีเท่าไหร่ มาร์คัส มีส่วนในเรื่องนั้นเหมือนกัน แต่อย่างที่ผมบอกไปว่าผมค่ต้องส่ง การ์นาโช่ ลงไป และมันไม่ได้มีประเด็นอะไรกับ แรชชี่ เลย”
แรชฟอร์ด มีส่วนรับผิดชอบกับประตูแรกของ ปอร์โต้ เพราะไม่ได้วิ่งไล่ตาม เจา มาริโอ ส่วนประตูที่สองของเจ้าบ้านจากโปรตุเกสก็มาจากตำแหน่งเดียวกัน และปัญหายังคงเกิดขึ้นกับประตูที่สามของพวกเขา ซึ่งมาจากฝั่งซ้ายของ แมนฯ ยูไนเต็ด เช่นกัน
มันกลายเป็นปัญหามาตลอดทั้งฤดูกาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อแบ็คซ้ายธรรมชาติอย่าง ลุค ชอว์ และ ไทเรลล์ มาลาเซีย ยังคงต้องพักรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บ
ประตูตีเสมอของ ทเวนเต้ ในนัดแรกยูโรป้า ลีก ของ แมนฯ ยูไนเต็ด มาจาก บาร์ท ฟาน รอยจ์ แบ็คขวาที่ตะลุยโจมตีริมเส้นฝั่งซ้ายของ “ปีศาจแดง” แล้วที่น่าตกใจคือ 7 ใน 8 ประตูที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เสียในพรีเมียร์ลีกนั้นมาจากการเปิดบอลหรือการยิงจากตำแหน่งทางกราบขวา ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบของแบ็คซ้ายอีกด้วย
การเล่นเกมรับที่ย่ำแย่ของ แรชฟอร์ด ที่ไม่สามารถหยุด ฟาน รอยจ์ ของ ทเวนเต้ นั้นเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าเขามีส่วนต้องรับผิดชอบมากแค่ไหน
เขาไม่ได้อยู่ในสนามตอนที่ ปอร์โต้ ยิงประตูที่สาม ในขณะเดียวกันประตูที่สองของ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ เมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว ก็มาจาก เดยัน คูลูเซฟสกี้ ที่โจมตีฝั่งซ้ายของ แมนฯ ยูไนเต็ด อีกครั้ง แต่ตอนนั้นเป็น อเลฮานโดร การ์นาโช่ ไม่ใช่ แรชฟอร์ด ที่เล่นเป็นปีกในฝั่งนั้น
การ์นาโช่ อยู่ห่างออกไปไกลเลย แล้วที่น่าแปลกใจคือแบ็คซ้ายอย่าง ดิโอโก้ ดาโลต์ ก็ไม่ได้อยู่ในเฟรมเช่นกัน
ฤดูกาลนี้ ดาโลต์ ถูกจับไปเล่นเป็นแบ็คซ้ายแบบจำเป็น เพื่อหลีกทางให้ นุสแซร์ มาซราวี ไปยืนแบ็คขวา ทั้งที่จริงทั้งคู่น่าจะสลับฝั่งกันมากกว่า เพราะ มาซราวี ถูกโยกไปเล่นแบ็คซ้ายบ่อยครั้งตอนอยู่ บาเยิร์น มิวนิค
ดาโลต์ ไม่ได้รับหน้าที่เป็นแบ็คซ้ายทั่วไป เพราะเมื่อทีมบิลด์อัพเกมรุกแล้วเขาจะต้องหุบเข้าไปในแดนกลาง หรือที่เรียกว่า “อินเวิร์ทฟูลแบ็ค” อีกด้วย
การต้องรับหลายหน้าที่ของ ดาโลต์ กลายเป็นดาบสองคมที่ทำร้าย แมนฯ ยูไนเต็ด เพราะคู่แข่งมักจะโจมตีฝั่งเขาบ่อยครั้ง และไม่น่าแปลกใจเลยหาก แอสตัน วิลล่า คู่แข่งของพวกเขาในเกมสุดสัปดาห์นี้จะเห็นสิ่งที่แฟน ๆ ทุกคนได้เห็นเหมือนกันก็เป็นได้.
- ขอบคุณภาพข่าวสารจากเว็บไซต์ : www.manutd.com