แมนยูฯ ช่วยตัดสินใจ “เลเวอร์คูเซน” เผยเหตุเลือก “เทน ฮาก” กุนซือใหม่ต่อจาก “อลอนโซ”
แมนยูฯ ช่วยตัดสินใจ “เลเวอร์คูเซน” เผยเหตุเลือก “เทน ฮาก” กุนซือใหม่ต่อจาก “อลอนโซ”
วันที่ 27 พฤษภาคม 2568 เอริก เทน ฮาก อดีตผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดตัวอย่างเป็นทางการในฐานะกุนซือคนใหม่ของ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน ทีมชั้นนำแห่งศึกบุนเดสลีกา เยอรมัน ด้วยสัญญา 2 ปี
ด้าน เอริก เทน ฮาก ที่โดน แมนยูฯ ปลดตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม ปี 2024 กล่าวหลังรับงานกับ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน ต่อจาก ชาบี อลอนโซ ซึ่งย้ายไป เรอัล มาดริด ทีมเก่าสมัยค้าแข้งใน ลา ลีกา สเปน ว่า “เลเวอร์คูเซน เป็นหนึ่งในสโมสรที่ดีที่สุดในเยอรมนีและเป็นหนึ่งในสโมสรชั้นนำของยุโรปด้วย”
“ผมมาที่เลเวอร์คูเซนเพื่อสนับสนุนความทะเยอทะยานที่เติบโตขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ถือเป็นบทบาทที่น่าสนใจในการสร้างบางสิ่งบางอย่างในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ และพัฒนาทีมที่มีความทะเยอทะยาน”
ขณะที่ ซิมอน โรลเฟส ผู้อำนวยการกีฬาของ “ห้างขายยา” ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน เผยสาเหตุที่เลือก เอริก เทน ฮาก มาเป็นกุนซือคนใหม่ว่า “เรากำลังหาโค้ชที่มีประสบการณ์และประสบความสำเร็จด้านกีฬาอย่าง เอริก”
“เขาและ อาแจ็กซ์ ครองวงการฟุตบอลเนเธอร์แลนด์ตั้งแต่ปี 2018 ถึง 2022 ขณะเดียวกันเขาก็ประสบความสำเร็จและพิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถของเขาในฐานะโค้ชภายใต้สถานการณ์ที่ยากลำบากบางครั้งที่ แมนยูฯ”
“แนวคิดของเราเกี่ยวกับฟุตบอลก็เหมือนกัน ด้วยฟุตบอลที่เน้นด้านเทคนิคและการครองเกม เราต้องการที่จะดำเนินการในสไตล์ “ห้างขายยา” ต่อไปในอนาคต และมุ่งมั่นเพื่อเป้าหมายสูงสุดในบุนเดสลีกา เดเอฟเบ โพคาล และ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก”
เอริก เทน ฮาก เคยผ่านเวทีบุนเดสลีกา เยอรมัน ด้วยการเป็นโค้ชทีมสำรองของ บาเยิร์น มิวนิค ในปี 2013-2015 และช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ลีกภูมิภาคบาวาเรียมาได้
จากนั้น เทน ฮาก ก็ย้ายไปเป็นเฮดโค้ชให้ อูเทรคท์ หนึ่งในสโมสรสมัยเป็นนักเตะ โดยพาทีมเข้ารอบชิงชนะเลิศ ดัตช์คัพ และได้ไปเล่นถ้วยยุโรป ก่อนประสบความสำเร็จกับ อาแจ็กซ์ คว้าแชมป์เอเรดิวิซี 3 สมัย และดัตช์คัพ 2 สมัย
เทน ฮาก ยังพาทีมเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ ยูฟา แชมเปียนส์ลีกในฤดูกาล 2018-19 แต่แพ้ สเปอร์ส หวุดหวิด ก่อนย้ายมา แมนยูฯ ช่วยทีมได้ 2 แชมป์ใน 2 ปี ทั้งคาราบาว คัพ และ เอฟเอ คัพ รวมถึงพาทีมจบอันดับ 3 ในฤดูกาลแรกที่คุมทีม แต่โดนปลดเมื่อเดือนตุลาคม ปีที่แล้ว หลังพาทีมรั้งอันดับ 14 พรีเมียร์ลีก.
- ขอบคุณภาพข่าวสารจากเว็บไซต์ : www.manutd.com.